เกม ออนไลน์ ยุค 2000 ย้อนกลับไปในอดีตสมัยก่อนวัยรุ่น ‘Y2K’ จะมาเคลมกันว่าตัวเองอยู่ในยุคนั้นพร้อมคำบ่นว่าตัวเองแก่นั่นนี่ จนคนในยุคก่อน ‘Y2K’ จริง ๆ กลับนั่งเงียบ ๆ เกมออนไลน์ ยุค 90 ไม่อยากแสดงตัว ที่เมื่อพูดถึงเรื่องราวก่อนวัยรุ่น ‘Y2K’ จะเกิดในวงการเกมก่อนปี 2000 นั้นก็เคยมีปรากฏการณ์ที่เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนในวงการเกม กับผู้นำริเริ่มสร้างระบบเกมต่าง ๆ ออกมาจนเกมอื่น ๆ เอามาใช้ตาม จนกลายเป็นการต่อยอดเป็นเกมแนวอื่นๆ อีกมากมายที่มีจุดเริ่มต้นทางมาจากเกมเหล่านี้ ที่เราเรียกว่าต้นแบบแรงบันดาลใจ ซึ่งเราต้องขอบคุณเกมเหล่านี้ที่เป็นเหมือนเชื้อไฟตัวจุดประกายในวงการเกม ที่ถ้าไม่มีเกมเหล่านี้เป็นผู้ริเริ่มก็คงไม่มีเกมดี ๆ แบบนี้ให้เราได้เล่น เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเกมอะไรซีรีส์ไหนภาคใดที่เป็นจุดเปลี่ยนในวงการเกมก่อนยุค 2000 บ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็ไม่ต้องเรียกแมวสีฟ้าไร้หูให้เอาเครื่องย้อนเวลามาใช้ให้เสียเวลา เพราะเราจะพาคุณย้อนอดีตไปดูเรื่องราวเหล่านี้ในวงการเกมกันตอนนี้เลย ถ้าพร้อมแล้วก็มาดูกันเลย
Super Mario Bros 3 เกม ออนไลน์ ยุค 2000
เกม ออนไลน์ ยุค 2000 เริ่มต้นเกมแรกกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในวงการเกมเกิดขึ้นในปี 1988 ที่หลังจากความสำเร็จของ ‘Super Mario Bros’ เกมออนไลน์เก่าๆ ที่ยังเปิดอยู่ ทั้งสองภาคที่สร้างปรากฏการณ์ที่เหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ไปแล้ว ทางปู่ ‘Nintendo’ ก็ไม่ยอมนอนกระดิกเท้าชื่นชมกับความสำเร็จเดิม ๆ ของตัวเอง แต่ทางนั้นคิดที่จะเปลี่ยนตัวเกมลุงหนวดที่มีแต่วิ่ง ๆ กระโดดเหยียบเต่ามาเป็นอะไรที่ยังคงเหมือนเดิมแต่แตกต่างและสนุกมากขึ้น นั่นจึงทำให้เราได้รู้จักกับเกมภาคใหม่ที่สนุกกว่าเดิมอย่าง ‘Super Mario Bros 3’ ที่คราวนี้ตัวเกมจะเปลี่ยนจากการเล่นผ่านเป็นฉาก ๆ แบบเดิม ๆ มาเป็นการเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ ทั้ง 8 แผนที่เพื่อช่วยพระราชาดินแดนต่าง ๆ ที่ถูกสาปด้วยสมุนของ บาวเซอร์ (Bowser) หรือ คูป้า (Koopa) ที่คนเล่นเกมยุคเก่าคุ้นเคย กับระบบการเล่นที่แค่วิ่งกระโดดวิ่งจับเต่าก้มหัวเท่านั้นแต่ตัวเกมกลับซ่อนฉากความลับรวมถึงพลังของลุงหนวด มาริโอ้ (Mario) เอาไว้มากมาย จนตัวเกมมีความหลากหลายทำให้ผู้เล่นไม่เบื่อ แถมตัวเกมยังไม่ตกยุคที่แม้จะเอามาเล่นในยุคนี้ เรียกว่าเปลี่ยนตัวเกมจากภาคเก่าไปแบบไม่เห็นฝุ่น จนทำให้เกม ‘Super Mario Bros 3’ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเกมในยุคนั้นไปในทันทีจนเกมอื่น ๆ อันมาทำตาม ใครไม่เคยเล่นลองไปหามาเล่นดูบอกเลยว่าสนุกมาก ๆ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมเกมนี้ถึงสร้างมาตรฐานให้เกมแอ็กชันมาจนถึงยุคนี้
Street Fighter ll
อีกหนึ่งเกมที่เรียกว่าผู้นำทางชี้แนวให้กับเกมต่อสู้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงทุกวันนี้ กับเกม ‘Street Fighter ll’ ที่เป็นผู้ที่ทำให้เกมต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 กลายเป็นที่สนใจให้กับผู้คนทั่วโลก หลังจากที่ ‘Street Fighter’ ภาคแรกยังเป็นเพียงเกมต่อสู้ที่เราต้องเอาชนะนักสู้ไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถเลือกหรือเปลี่ยนตัวละครได้ แต่ก็สามารถเล่นแข่งกันเองได้โดยผู้เล่นอีกคนจะได้ใช้ตัวละครชุดสีแดงที่ชื่อ เคน (Ken) มาต่อสู้กับเรา ที่ตัวละครนั้นก็มีท่วงท่าเหมือนกับ ริว (Ryu) ตัวละครชุดขาวทุกอย่าง จนมาถึง ‘Street Fighter ll’ ที่ตัวเกมเปลี่ยนใหม่จากการเล่นผ่านตัวละครไปเรื่อย ๆ มาเป็นการเลือกตัวละครตัวไหนก็ได้มาสู้กันเอง โดยแต่ละตัวจะมีท่วงท่าการกดที่ต่างกัน ที่สร้างความแปลกใหม่ให้วงการเกมตู้มาก ๆ และที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนจริง ๆ คือการใส่นักสู้เพศหญิงลงไปในเกม ที่ในยุคนั้นเพศหญิงจะถูกจำกัดให้เป็นแค่เพศที่อ่อนแอรอการมาช่วยของชายกล้ามโตที่ดูไม่เป็นมิตร (แต่ศัตรูดูไม่เป็นมิตรกว่า) แต่เกม ‘Street Fighter ll’ ไม่ใช่แบบนั้น เพราะเราสามารถใช้ตัวละครสาวสวยขาใหญ่ (ขาใหญ่จริง ๆ ไม่ได้มุก) กระทืบผู้ชายอกสามศอกให้เหลือสามนิ้วได้ พร้อมท่าทางตอนชนะที่ดูถูกใจหนุ่ม ๆ กลัดเกมในยุคนั้นมาก ๆ จนทำให้เกมต่อสู้ค่ายอื่น ๆ เริ่มทำตามเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
Dragon Quest 3
ย้อนกลับในอดีตสมัยที่เครื่องเกม ‘Famicom’ ของ ‘Nintendo’ กำลังโด่งดังเป็นพลุระเบิดในช่วงปีใหม่จนหมาแมวตกใจวิ่งหนีหายไปจากบ้าน ก็มีเกมภาษาหรือแนว ‘RPG’ เกิดขึ้นมามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือเกม ‘Dragon Quest’ ที่เรียกว่าสร้างมาตรฐานให้กับเกมภาษาในตอนนั้นให้ทำตามกันมาจนถึงตอนนี้ กับการเลือกคำสั่งในการกระทำต่าง ๆ ในเกม ทั้งการโจมตีป้องกันใช้เวทมนตร์ในการต่อสู้ ที่เราต้องเก็บค่าประสบการณ์จากการกำจัดศัตรูเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่ง และมีเงินในการซื้ออาวุธชุดเกราะที่มีขายตามร้าน หรือรับภารกิจต่าง ๆ ที่เราเรียกว่า ‘JRPG’ ซึ่งเกมซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ทั้ง 2 ภาคก็สร้างมาตรฐานเกมภาษาที่ดีให้เกมแนวนี้ แต่จุดเปลี่ยนที่แท้จริงและเป็นผู้นำในวงการเกมภาษาในตอนนั้นก็คือเกม ‘Dragon Quest 3’ ที่เปลี่ยนจากระบบเดิม ๆ กับการมีเพื่อนร่วมทีมตายตัวความสามารถที่ถูกระบุเอาไว้แล้ว ที่พอเราเอามาเล่นซ้ำในรอบต่อไปก็รู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่พอมา ‘Dragon Quest 3’ ที่ตัวเกมจะให้เราเลือกเพื่อนร่วมทีมได้เองว่าอยากได้ใครอาชีพไหนเป็นเพื่อนตั้งแต่เริ่มเกม ที่แต่ละตัวละครก็จะมีจุดดีจุดด้อยต่างกันทำให้เราเล่นได้หลายรอบไม่เบื่อ แถมกลางเกมยังมีการเปลี่ยนอาชีพได้โดยที่พลังเก่ายังอยู่แถมเนื้อเรื่องก็ดี เรียกว่าสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้เกมค่ายอื่น ๆ ต้องหันมาดูและทำตามในยุคนั้นเลยทีเดียว ใครที่สนใจก็รอเล่นใน ‘Dragon Quest III HD 2D Remake’ ที่จะวางจำหน่ายในอนาคตได้เลย ที่แม้ระบบจะเก่าแต่ถ้าคุณได้ลองเล่นรับรองว่าคุณต้องรักเกมซีรีส์นี้แน่นอน